Application name
รายการพรรณไม้
รายงาน
การตั้งค่า
แก้ไขข้อมูลพรรณไม้
รหัส
ชื่อวิทยาศาสตร์
<p><em>Hesperethusa</em> <em>crenulata</em> (Roxb.) M. Roem.</p>
สกุล
สปีชีส์
Variety
Sub Variety
Form
ชื่อพ้อง / ชื่อดั้งเดิม
<p><em>Limonia</em> <em>crenulata</em> Roxb.</p>
ชื่อไทย
ชื่อท้องถิ่น
ชื่อสามัญ
ชื่อวงศ์
ลักษณะวิสัย
ยังไม่ได้ระบุ
ไม้ล้มลุก
ไม้พุ่ม
ไม้ยืนต้น ขนาดเล็ก
ไม้ยืนต้น ขนาดกลาง
ไม้ยืนต้น ขนาดใหญ่
ไม้เลื้อย
ไม้รอเลื้อย
ไม้อิงอาศัย
ไม้หัว
พืชอวบน้ำ
ปาล์ม
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
<p><strong>ต้น</strong> สูง 8-15 ม. ลำต้นเปลาตรง แตกกิ่งก้านต่ำตั้งฉากกับลำต้น กิ่งอ่อนและยอดอ่อนเกลี้ยง เนื้อไม้สีขาว เปลือกลำต้นสีน้ำตาลขรุขระ มีหนามแข็งและยาว ออกแบบเดี่ยวหรือเป็นคู่ตรง ยาวได้ถึง 2.5 ซม. เนื้อไม้เมื่อตัดมาใหม่จะเป็นสีขาว แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อน หากทิ้งไว้เป็นเวลานาน จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลปนเหลืองอ่อน</p><p><strong>ใบ</strong> ใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียว เรียงสลับ มีใบย่อย 4-13 ใบ รูปรีแกมรูปไข่กลับ โคนใบและปลายใบสอบแคบ ขอบใบจักฟันเลื่อย กว้าง 1.5-3.0 ซม. ยาว 2-7 ซม. ผิวเกลี้ยง มีต่อมน้ำมันกระจายอยู่ทั่วไป ก้านช่อใบยาวได้ถึง 3 ซม. ก้านใบแผ่เป็นปีกสองข้าง ไม่มีก้านใบย่อย</p><p><strong>ดอก</strong> ออกเป็นช่อแบบกระจะ ตามซอกใบ ดอกมีขนสั้นนุ่ม สีขาวหรือสีขาวอมเหลือง กลีบดอก 4 กลีบ รูปไข่แกมรูปรี กว้าง 3 มม. ยาว 7 มม. ผิวเกลี้ยงมีต่อมน้ำมันอยู่ประปราย มีเกสรเพศผู้ 8 อัน ยาว 4-6 มม. กลีบเลี้ยง 4 กลีบ ลักษณะเป็นรูปคล้ายสามเหลี่ยม กว้างและยาว 1.5 มม. ปลายแหลม ผิวด้านในเกลี้ยง ส่วนด้านนอกมีขนละเอียดและมีต่อมน้ำมัน</p><p><strong>ผล</strong> สด รูปทรงกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5-1.0 ซม. ผลอ่อนสีเขียว เมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ</p><p><strong>เมล็ด </strong>มี 1-4 เมล็ด สีน้ำตาลอมส้มอ่อน รูปเกือบกลม กว้าง 5 มม.</p>
สภาพนิเวศ
กลางแจ้ง
ร่มรำไร
ร่ม
สภาพนิเวศวิทยา
<p>สามารถพบได้ตามป่าเบญจพรรณทั่วไป ป่าเต็งรัง และป่าดิบแล้ง ที่ระดับความสูงจากระดับทะเลปานกลางประมาณ 100-400 ม.</p>
ถิ่นกำเนิด
<p>พม่า</p>
การกระจายพันธุ์
<p>ภาคเหนือและภาคตะวันตกเฉียงใต้ของไทย พม่า ปากีสถาน ศรีลังกา อินเดีย บังกลาเทศ มณฑลยูนนานของจีน และในภูมิภาคอินโดจีน</p>
การปลูกและการขยายพันธุ์
<p>ขยายพันธุ์โดยการใช้เมล็ด การปักชำด้วยกิ่งอ่อนหรือราก</p>
ระยะเวลาการติดดอก
ระยะเวลาการติดผล
ประเภทการใช้ประโยชน์
อาหาร
สมุนไพร
พืชประดับ
พืชวัสดุ
พืชใช้เนื้อไม้
พืชให้ร่มเงา
พืชเศรษฐกิจ
<p><strong>ราก </strong>มีรสขมเย็น ช่วยรักษาโรคในลำไส้ แก้อาการปวดท้องบริเวณลำไส้ใหญ่และบริเวณลิ้นปี่ ใช้เป็นยาถ่าย เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยขับเหงื่อ แก้อาการผอมแห้ง</p><p><strong>เปลือกต้น</strong> ช่วยทำให้เจริญอาหาร ดับพิษร้อนในร่างกาย ขับผายลม แก้ไข้ ถอนพิษไข้</p><p><strong>ใบ</strong> ช่วยแก้อาการปวดข้อ ปวดกระดูก ช่วยในการคุมกำเนิด</p><p><strong>ผล</strong> มีรสขมและเฝื่อน ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง และเป็นยาบำรุงร่างกาย ทำให้เจริญอาหาร แก้อาการท้องเสีย ท้องอืดท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย แก้พิษ แก้ไข้ ถอนพิษไข้ ผลสุกใช้เป็นยาสมานแผล</p>
หมายเหตุ
<p>ไม้ทานาคา มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระอยู่สูงมาก ที่เปลือกของไม้ทานาคา มีสาร OPC เช่นเดียวกับที่พบในเปลือกสนฝรั่งเศส และที่เนื้อในของไม้ทานาคามีสารCurcuminoid ที่มักพบในขมิ้นชันที่ประเทศไทย ทำให้ทานาคามีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะต่อต้านความเสื่อมของเซลล์และยังช่วยป้องกันการเกิดสิว ด้วยคุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และช่วยลดผดผื่นคัน ลดการเกิดจุดด่างดำและฝ้า มีฤทธิ์ลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน และยังช่วยป้องกันการทำลายผิวจากรังสียูวี<br /> สารสกัดทานาคา 100% ให้สารออกฤทธิ์ความเข้มข้นสูง ซึ่งได้ผลดีกว่าการใช้ผงทานาคาพอกผิวถึง100 เท่าผงทานาคา ที่ดีจะต้องมาจากไม้ทานาคาที่ตากแห้งตามธรรมชาติและนำมาบดเป็นผงให้ละเอียด โดยจะมีสรรพคุณในการชลอความชราของผิวได้ดีมาก ด้วยฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระของทานาคา ที่มีประสิทธิภาพสูง และคงตัวได้ดี ไม่สลายไปเมื่อโดนออกซิเจน เหมือน วิตามิน C หรือ E โดยที่เปลือกทานาคาบดละเอียดจะมีลักษณะเป็นผงสีเหลืองนวล ใช้ผสมน้ำขัดหน้าและพอกไว้สักครู่จนแห้ง เป็นสมุนไพรรักษาสิวและความมันของใบหน้าได้เป็นอย่างดี</p>
แหล่งอ้างอิง
<p>Phargarden.com. 2553. “กระแจะ.” [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา http://www.phargarden.com/main.php?action=viewpage&pid=6 (10 พฤษภาคม 2560)</p><p>SAARD-KM. 2015. “สรรพคุณของทานาคา หรือกระแจะจัน.” [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา http://km.saard.ac.th/external_newsblog.php?links=796 (10 พฤษภาคม 2560)</p><p>The Plant List. 2013. “<em>Hesperethusa</em> <em>crenulata</em> (Roxb.) M. Roem.” [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/tro-501723754 (10 พฤษภาคม 2560)</p>
แหล่งอ้างอิงการจำแนก
<p>-</p>
แหล่งอ้างอิงการใช้ประโยชน์
<p>-</p>
สถานะของข้อมูล
แบบร่าง
กลับหน้ารายการพรรณไม้