Application name
รายการพรรณไม้
รายงาน
การตั้งค่า
แก้ไขข้อมูลพรรณไม้
รหัส
ชื่อวิทยาศาสตร์
<p><em>Magnolia</em> <em>champaca</em> (L.) Baill. ex Pierre</p>
สกุล
สปีชีส์
Variety
Sub Variety
Form
ชื่อพ้อง / ชื่อดั้งเดิม
<p><em>Michelia</em> <em>champaca</em> L.</p><p><em>Magnolia</em> <em>membranacea</em> P.Parm. </p><p><em>Michelia</em> <em>blumei</em> Steud.</p><p><em>Michelia</em> <em>champaca</em> L.</p>
ชื่อไทย
ชื่อท้องถิ่น
ชื่อสามัญ
ชื่อวงศ์
ลักษณะวิสัย
ยังไม่ได้ระบุ
ไม้ล้มลุก
ไม้พุ่ม
ไม้ยืนต้น ขนาดเล็ก
ไม้ยืนต้น ขนาดกลาง
ไม้ยืนต้น ขนาดใหญ่
ไม้เลื้อย
ไม้รอเลื้อย
ไม้อิงอาศัย
ไม้หัว
พืชอวบน้ำ
ปาล์ม
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
<p><strong>ลำต้น </strong>ไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง 10-15 ม. ลำต้นตรง เรือนยอดเป็นรูปกรวยคว่ำ เปลือกต้นสีเทา มีร่องตื้นตามยาว</p><p><strong>ใบ </strong>ไม่ผลัดใบ ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปใบหอก กว้าง 5-10 ซม. โคนใบเป็นรูปลิ่ม ปลายใบเรียวแหลม ขอบใบเป็นคลื่น ใบคล้ายกระดาษ เส้นใบมี 14-20 คู่ มีก้านใบยาว 1.5-3.0 ซม.<strong> </strong>ยอดอ่อนและใบอ่อนมีขนสีน้ำตาลทองหนาแน่น ใบแก่ผิวด้านบนเรียบ หลังใบมีสีเขียวเข้ม ท้องใบมีสีเขียวอ่อน</p><p><strong>ดอก </strong>เดี่ยว ออกตามซอกใบ ดอกบานตั้งขึ้น มีกลิ่นหอมแรง ดอกตูมเป็นรูปกรวย มีกาบหุ้มดอกสีเหลืองอ่อน มักจะร่วงก่อนดอกบาน กลีบดอกมีสีเหลืองหรือส้ม มีกลิ่นหอมแรง มีกลีบดอกรวม 10-15 กลับ มีกลีบสองชั้น กลีบชั้นนอกเป็นรูปหอกกลับ ขนาด กว้าง 1.0-1.6 ซม. ยาว 4.0-4.5 ซม. เกสรเพศผู้ยาว 8-0 มม. เกสรเพศเมียยาว 1.5-2 ซม.</p><p><strong>ผล </strong>ออกเป็นผลกลุ่ม ช่อผลห้อย ยาว 6-10 ซม. ผลย่อย มี 15-40 ผล ไม่มีก้านผลย่อย แต่ละผลค่อนข้างกลมหรือกลมรี ขนาด 1-2 ซม. เปลือกผลหนาและแข็ง ผลอ่อนสีเขียวอ่อนหรือสีน้ำตาลอ่อน มีช่องอากาศสีขาวเป็นจุดเด่นชัด เมื่อผลกแก่ เปลือกผลเปลี่ยนเป็นสีเทา แตกตามร่องกลางผลในแนวตั้ง</p><p><strong>เมล็ด</strong> แต่ละผลมีเมล็ดแก่สีแดง 1-6 เมล็ด รูปทรงกลมหรือกลมรี ยาว 0.8-1.0 ซม.</p>
สภาพนิเวศ
กลางแจ้ง
ร่มรำไร
ร่ม
สภาพนิเวศวิทยา
<p>พบในป่าดงดิบที่ระดับทะเลปานกลาง 200-1000 ม. เจริญได้ดีในดินร่วน ไม่ชอบดินเหนียว ระบายน้ำได้ดี ชอบแดดจัด</p>
ถิ่นกำเนิด
<p>แถบประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และแถบประเทศอื่นในทวีปเอเชีย ได้แก่ อินเดีย จีน</p>
การกระจายพันธุ์
<p>อินเดีย พม่า เนปาล อินโดจีน และทางทิศตะวันตกถึงทิศใต้ของจีน</p>
การปลูกและการขยายพันธุ์
<p>เพาะเมล็ด และตอนกิ่ง</p>
ระยะเวลาการติดดอก
ระยะเวลาการติดผล
ประเภทการใช้ประโยชน์
อาหาร
สมุนไพร
พืชประดับ
พืชวัสดุ
พืชใช้เนื้อไม้
พืชให้ร่มเงา
พืชเศรษฐกิจ
<p><strong>ดอก </strong>ปรุงเป็นยาหอม บำรุงหัวใจ บำรุงประสาท บำรุงโลหิต แก้คลื่นไส้ แก้ไข้ และขับปัสสาวะ</p><p><strong>เปลือกต้น</strong> มีรสฝาดสมาน ใช้แก้ไข้</p><p><strong>ใบ</strong> เป็นยาแก้โรคประสาท</p><p><strong>ดอก</strong> ของจำปามีการจำหน่ายในปริมาณสูง เพื่อนำมาร้อยมาลัยและเพื่อใช้ผสมในตำรับยาไทยแผนโบราณใช้แต่งกลิ่นอาหาร ขับลม ขับปัสสาวะ แก้โรคไต บำรุงโลหิต บำรุงน้ำดี แก้วิงเวียนศีรษะ</p><p><strong>เปลือกต้น</strong> ฝากสมาน แก้ไข้</p><p><strong>เปลือกราก</strong> เป็นยาถ่าย ทำให้ประจำเดือนปกติ ขับพยาธิ</p><p><strong>ใบ</strong> แก้โรคทางระบบประสาท</p><p><strong>น้ำมันหอม</strong> ทำจากดอก ทาแก้ปวดศีรษะ แก้ตาอักเสบ บวมแก้โรคปวดข้อ</p>
หมายเหตุ
<p>ความแหลกหลายทางพันธุกรรมของจำปา</p><p>เนื่องจากจำปามีถิ่นกำเนิดเดิมกระจายกว้างขวางมากนับตั้งแต่อินเดีย พม่า ผ่านมาถึงไทย และไปจนถึงเวียดนาม รวมทั้งมีการขยายพันธุ์โดยเมล็ดจึงมีโอกาสที่จะเกิดการกลายพันธุ์ตามธรรมชาติออกไปตามลำดับ</p><p> แต่อย่างไรก็ตาม ในการปลูกจำปาเป็นไม้ดอกไม้ประดับนั้น บรรพบุรุษของเราได้คัดเลือกต้นที่มีขนาดเล็ก ออกดอกดก ดอกมีขนาดใหญ่ มีสีเข้มสวยงาม และมีกลิ่นหอม แล้วนำมาปลูกและขยายพันธุ์กันต่อๆมา โดยทั่วไปจึงพบแต่จำปาที่มีดอกสีเหลืองส้ม สีดังกล่าวทำให้เข้าใจกันและเรียกกันติดปากว่า สีจำปา</p><p> สำหรับพันธุ์ของจำปาที่มีลักษณะแตกต่างออกไป ก็มีเพียงสีของดอกที่มีสีเหลืองส้มน้อยลงนกระทั่งเป็นสีเหลืองอ่อน หรือเกือบจะเป็นสีขาว ที่เรียกกันว่า พันธุ์จำปาขาว ซึ่งมีแหล่งดั้งเดิมอยู่ที่วัดกลาง อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก สำหรับพันธุ์จำปาขาวจากต้นดั้งเดิมนี้ในช่วงที่ดอกเริ่มแย้มจะมีสีเหลืองอ่อน เมื่อเทียบแล้วจะอ่อนกว่าจะปีสีนวลเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับเป็นสีขาวเหมือนกับจำปี และในช่วงที่ดอกใกล้โรยนั้น กลีบดอกของจำปาขาวก็จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองส้มเหมือนจำปาทั่วไป แต่กลิ่นหอมไม่เหมือนกลิ่นจำปา</p><p> ในปัจจุบันมีการเพาะเมล็ดจำปาเพื่อใช้เป็นต้นตอสำหรับทาบกับชนิดอื่นๆ และพบว่ามีต้นกล้าบางต้นกลายพันธุ์ไป ใบมีขนาดใหญ่และหนาขึ้น มีกลีบดอกสีขาว กลีบบางเหมือนกับจำปีป่าแต่ไม่หนาเหมือนจำปีที่ปลูกทั่วไป</p><p> </p>
แหล่งอ้างอิง
<p>คณะกรรมการวิชาการดำเนินงานส่วนสวนสมุนไพรพืชสวนโลก. 2549. สวนสมุนไพรในงาน มหกรรมพืชสวนโลก 2549. Herbal Garden in Royal Flora Expo 2006. บริษัท สามเจริญ พาณิชย์(กรุงเทพฯ) จำกัด. กรุงเทพมหานคร.</p><p>ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์. 2554. “จำปา.” [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา http://www.qsbg.org/database/botanic_book%20full%20option/search_detail.asp?botanic_id=2502 (17 ตุลาคม 2559)</p><p>ปิยะ เฉลิมกลิ่น. 2545. แมกโนเลียเมืองไทย. Thai Magnoliaceae. พิมพ์ครั้งที่ 1. สำนักพิมพ์บ้าน และสวน.กรุงเทพมหานคร.</p><p>วีณา เชิดบุญชาติ. 2543. ปลูกผักไทยได้ทั้งอาหารและยา. พิมพ์ครั้งแรก. สำนักพิมพ์บ้านและสวน. กรุงเทพมหานคร.</p><p>ศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย. 2555. พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย. พิมพ์ครั้งที่ 1. เชียงใหม่ ดอคคิวเมนทารี ดีไซด์ จำกัด. เชียงใหม่. 315 น.</p><p>The Plant List. 2013. “<em>Magnolia</em> <em>champaca</em> (L.) Baill. ex Pierre<em>.</em>” [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา: http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-117504 (17 ตุลาคม 2559)</p>
แหล่งอ้างอิงการจำแนก
<p>-</p>
แหล่งอ้างอิงการใช้ประโยชน์
<p>-</p>
สถานะของข้อมูล
แบบร่าง
กลับหน้ารายการพรรณไม้