Musa × paradisiaca L.
Musa L.
paradisiaca
-
-
Karkandela × malabarica Raf.
Musa × acutibracteata M.Hotta
Musa × bacoba Rottb.
ต้น สูงประมาณ 2-3 ม. มีกาบเรียงซ้อนกันจนเป็นลำต้นเทียม ส่วนลำต้นจริงจะอยู่ใต้ดิน เป็นสีเขียวอ่อน
ใบ ใบเดี่ยวขนาดใหญ่ กว้าง 20-40 ซม. ยาว 1-2 ม. ปลายใบมน ขอบใบเรียบมัน มีเส้นใบขนาดกันเป็นแนวขวาง มีก้านใบเป็นร่องตรงกลางใบ
ดอก ออกดอกเป็นช่อที่ปลายยอดเรียกว่า หัวปลี ซึ่งมีใบประดับขนาดใหญ่สีแดงหุ้มดอกอยู่
ผล รูปรี ยาว 10-13 ซม. ผิวเรียบ ปลายคล้ายจุก เมื่อสุกเปลือกจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลือง เนื้อในสีขาว รสหวานและมีวิตามินที่จำเป็นอยู่มาก หนึ่งเครือจะมี 7-8 หวี หนึ่งหวีจะมีผลอยู่ประมาณ 10-15 ผล
ชอบความชื้น ดินเหนียวปนทราย
บริเวณแถบเอเชียตอนใต้
แถบหมู่เกาะฮาวายและหมู่เกาะทางด้านตะวันออก
ขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ
ต้น ด้านในมียางสามารถใช้ช่วยห้ามเลือดได้
ใบ ยางในก้านใบสามารถรักษาแผลได้เช่นเดียวกับในต้นกล้วย
ผล ใช้รักษาโรคกระเพราะ แก้อาการท้องเสีย ยาอายุวัฒนะ และสามารถแก้โรคบิด นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ฝาดสมาน ใช้แก้อาการท้องเดินและอาหารไม่ย่อ
หัวปลี นำไปแกงให้ผู้ที่คลอดบุตรใหม่ๆทานสามารถช่วยขับน้ำนมได้ดี
ราก มีคุณสมบัติแก้โรคขัดเบาหรือปัสสาวะขัดได้
ผลดิบ ใช้ทั้งลูกบดกับน้ำให้ละเอียดและใส่น้ำตาลรับประทาน หรืออาจใช้กล้วยดิบ ตากแห้งบดเป็นผงแล้วผสมกับน้ำรับประทานก็ได้
-
ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์. 2556. “กล้วยน้ำว้า.” [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา http://www.qsbg.org/Database/plantdb/mdp/medicinal-specimen.asp?id=785 (18 พฤศจิกายน 2559)
ThaiHerbal.org. 2014. “กล้วยน้ำว้า.” [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา http://thaiherbal.org/89 (18 พฤศจิกายน 2559)
The Plant List. 2013. “Musa × paradisiaca L.” [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-254888 (18 มิถุนายน 2559)
-
-
กลับหน้ารายการพรรณไม้ แก้ไขข้อมูล จัดการรูปภาพ พิมพ์ QR Code ของพืชนี้ ลบข้อมูลพรรณไม้นี้