Application name
รายการพรรณไม้
รายงาน
การตั้งค่า
แก้ไขข้อมูลพรรณไม้
รหัส
ชื่อวิทยาศาสตร์
<p><em>Pithecellobium</em> <em>dulce</em> (Roxb.) Benth.</p>
สกุล
สปีชีส์
Variety
Sub Variety
Form
ชื่อพ้อง / ชื่อดั้งเดิม
<p><em>Acacia</em> <em>obliquifolia</em> M.Martens & Galeotti</p><p><em>Albizia</em> <em>dulcis</em> (Roxb.) F.Muell.</p><p><em>Feuilleea</em> <em>dulcis</em> (Roxb.) Kuntze</p><p><em>Inga</em> <em>camatchili</em> Perr.</p><p><em>Inga</em> <em>dulcis</em> (Roxb.) Willd.</p><p> </p>
ชื่อไทย
ชื่อท้องถิ่น
ชื่อสามัญ
ชื่อวงศ์
ลักษณะวิสัย
ยังไม่ได้ระบุ
ไม้ล้มลุก
ไม้พุ่ม
ไม้ยืนต้น ขนาดเล็ก
ไม้ยืนต้น ขนาดกลาง
ไม้ยืนต้น ขนาดใหญ่
ไม้เลื้อย
ไม้รอเลื้อย
ไม้อิงอาศัย
ไม้หัว
พืชอวบน้ำ
ปาล์ม
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
<p><strong>ลำต้น</strong> สูงได้มากกว่า 10 ม. ไม้ยืนต้น หรือไม้พุ่ม ไม่ผลัดใบ แตกกิ่งก้านสาขาได้มาก กิ่งเล็กค่อนข้างกลม ผิวเกลี้ยง</p><p><strong>ใบ</strong> ใบประกอบ 2 ใบ และออกเป็นคู่ หูใบมีลักษณะเป็นหนามแหลม เป็นคู่ยาว 4-10 มม. แกนกลางของช่อใบยาว 1.0-2.5 ซม. ก้านช่อใบย่อยยาวได้ถึง 7.5 ซม. และที่ปลายซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างใบย่อย มีหูใบซึ่งมีลักษณะเป็นหนามสั้นๆ 1 อัน ใบย่อยซึ่งออกเป็นคู่หรือ 2 ใบเรียงตรงกันข้ามไม่มีก้าน ใบรูปไข่เบี้ยวหรือสองข้างไม่เท่ากัน กว้าง 1-2 ซม. ยาว 1.5-3.5 ซม. ปลายโค้งแบบครึ่งวงกลมหรือโค้งมนเล็กน้อย หรือปลายแหลม โคนสอบแคบและโค้งมน ขอบใบเรียบ ผิวใบเกลี้ยง</p><p><strong>ดอก </strong>ออกเป็นช่อกระจุกแยกแขนง ที่บริเวณข้อติดกับก้านใบ ช่อดอกยาวได้ถึง 10 ซม. ก้านช่อดอกยาว 1-2 ซม. มีขนละเอียดปกคลุม ดอกย่อยสมบูรณ์เพศรวมเป็นกลุ่ม 15-20 ดอกในแต่ละช่อย่อย กลีบเลี้ยงเชื่อมกันเป็นหลอดยาวประมาณ 1.5 มม. กลีบดอกเชื่อมกันเป็นหลอดยาว 3.5 มม. ก้านชูอับเรณูมีจำนวนมาก สีขาว</p><p><strong>ผล </strong>เป็นฝักยาวและโค้งงอ แบนข้างเล็กน้อย กว้าง 0.8-1.2 ซม. ยาว 5-8 ซม.เปลือกหุ้มค่อนไปทางหนา ผิวเรียบ เมื่อแก่สีขาวถึงสีน้ำตาลอมแดง เนื้อในสีขาวค่อนข้างฝ้าม หุ้มเมล็ดเป็นปล้อง ๆ</p><p><strong>เมล็ด </strong>เมล็ดรูปไข่รีค่อนไปทางแบน ขนาดโดยประมาณกว้าง 7 มม. ยาว 9 มม. หนา 2 มม. ผิวสีดำเป็นมันเลื่อม</p>
สภาพนิเวศ
กลางแจ้ง
ร่มรำไร
ร่ม
สภาพนิเวศวิทยา
<p>พบได้ในป่าเบญจพรรณ พื้นที่สูง 0-800 ม. จากระดับทะเลปานกลาง</p>
ถิ่นกำเนิด
<p>อเมริกากลาง</p>
การกระจายพันธุ์
<p>เอเชียตะวันออกเฉียงใต้</p>
การปลูกและการขยายพันธุ์
<p>เพาะเมล็ด ตอนกิ่ง</p>
ระยะเวลาการติดดอก
ระยะเวลาการติดผล
ประเภทการใช้ประโยชน์
อาหาร
สมุนไพร
พืชประดับ
พืชวัสดุ
พืชใช้เนื้อไม้
พืชให้ร่มเงา
พืชเศรษฐกิจ
<p><strong>ผล</strong> เนื้อในผลหรือฝักสด – บรรเทาอาการโรคเบาหวาน ลดอาการแสบแผล และรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร ช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยให้กระปรี่กระเปร่า มีกำลังช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบประสาท ช่วยเสริมสร้างการสร้าง และซ่อมแซมกระดูก</p><p><strong>ทั้งต้น</strong> ต้มดื่มแก้อาการปวดท้อง</p><p><strong>ใบ</strong> ตำพอกแก้อาการเจ็บปวดอันเกิดจากเพศสัมพันธ์ บรรเทาอาการอาเจียนกินกับเกลือแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย หรือกินมากๆให้เกิดการแท้ง</p><p><strong>ราก</strong> เป็นยาระงับเชื้อ ชำระล้างบาดแผล ใช้ภายในต้มดื่มแก้ท้องร่วง เป็นยากระชับโลหิตและน้ำเหลือง</p><p><strong>เปลือกลำต้น</strong> ใช้ภายนอกต้มเป็นยาระงับเชื้อ ชำระล้างบาดแผล ห้ามโลหิต สมานแผล แก้บาดแผลติดเชื้อ ต้มเอาน้ำอมแก้ปวดฟัน โรคในปากในคอ ดื่มเป็นยาแก้ท้องร่วง ท้องเสีย ขับพยาธิในท้อง ใช้ย้อมแห ใช้ย้อมหนัง หรือทำให้หนังอ่อนตัว</p><p><strong>เมล็ด</strong> ใช้เป็นยาถ่ายพยาธิ ช่วยให้อาเจียน</p><p><strong>เนื้อไม้</strong> เนื้อไม้ และกิ่งใช้ทำฟืนหุงหาอาหาร หรือนำมาเผาถ่าน เนื้อไม้นำมาแปรรูปเป็นไม้ก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ เครื่องเรือน และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เนื่องจากแก่นในของไม้มะขามเทศให้เนื้อสีน้ำตาลปนแดงถึงดำ ด้านข้างมีสีเลืองน้ำตาล เนื้อไม้เหนียว แข็ง และทนต่อหมอดปลวกได้ดี</p>
หมายเหตุ
<p><strong>พันธ์ุมะขามเทศ</strong></p><p>พันธุ์มะขามเทศแบ่งตามลักษณะฝัก<br />1. พันธ์ุฝักขนาดใหญ่<br />น้ำหนักฝัก 1 กิโลกรัม จะได้ฝักประมาณ 15- 20 ฝัก ฝักมีลักษณะโค้ง เป็นวงกลม ถ้าฝักยาวฝักจะม้วนเป็นเกลียว เปลือกฝักแก่มีสีเขียวอ่อน หรือ ขาวปนสีแดง หรือขาวปนชมพู เนื้อมีสีขาวปนแดง เนื้อหนาใหญ่ มีรสชาติหวานมัน ลักษณะลำต้นเป็นทรงพุ่มใหญ่ กิ่ง และลำต้นมีหนามยาว ใบมีขนาดใหญ่กว่าพันธ์ุอื่นๆ</p><p>2. พันธ์ุฝักขนาดกลาง<br />น้ำหนักฝัก 1 กิโลกรัม จะได้ฝักประมาณ 20 – 30 ฝัก ฝักมีลักษณะโค้ง เป็นวงกลม เปลือกฝักแก่มีสีเขียวอ่อนปนชมพู เนื้อมีสีขาวปนแดง เนื้อหนา มีรสชาติหวานมัน ลักษณะลำต้นเป็นทรงพุ่มใหญ่ กิ่ง และลำต้นมีหนามสั้น ใบมีขนาดเล็กกว่าพันธ์ุแรก</p><p>3. พันธ์ุพื้นเมือง<br />น้ำหนักฝัก 1 กิโลกรัม จะได้ฝัก 30 ฝักขึ้นไป เปลือกของฝักแก่มีสีเขียวปนสีชมพูกึ่งแดง ฝักมีลักษณะโค้ง เป็นวงกลม เนื้อมีสีขาวปนแดง เนื้อหนาเล็กน้อย เนื้อมีรสหวานมันปนฝาดถึงฝาดมาก ลำต้นมีทรงพุ่มใม่ใหญ่ แต่มีหนามตามลำต้น และกิ่งมาก ใบมีขนาดค่อนข้างเล็ก ใบกลมรี ปลายใบมน</p><p>พันธุ์มะขามเทศแบ่งตามรสของฝัก<br />1. พันธุ์ฝักหวาน<br />ฝักมีขนาดปานกลางถึงใหญ่ เปลือกฝักแก่มีสีเขียวปนชมพู มีเนื้อหุ้มเมล็ดหนา สีขาวอมชมพู ให้รสหวานมัน</p><p>2. พันธุ์ฝักฝาด<br />ฝักมีขนาดเล็ก เปลือกฝักแก่มีสีเขียวปนชมพู มีเนื้อหุ้มเมล็ดเล็กบาง เนื้อมีสีขาวอมชมพูปนแดง ให้รสฝาดปนหวานเล็กน้อย หรือให้รสฝาดเพียงอย่างเดียว</p>
แหล่งอ้างอิง
<p>มูลนิธิโครงการหลวง. 2552. องค์ความรู้เรื่องพืชป่าที่ใช้ประโยชน์ทางภาคเหนือของไทย เล่ม 3. อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด. กรุงเทพมหานคร. 720น.</p><p>Puechkaset. 2013. “มะขามเทศ สรรพคุณ และการปลูกมะขามเทศ.” [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา: http://puechkaset.com/%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8/ (2 สิงหาคม 2560)</p><p>The Plant List. 2013. “Pithecellobium dulce (Roxb.) Benth.” [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา: http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/ild-243 (2 สิงหาคม 2560)</p>
แหล่งอ้างอิงการจำแนก
<p>-</p>
แหล่งอ้างอิงการใช้ประโยชน์
<p>-</p>
สถานะของข้อมูล
แบบร่าง
กลับหน้ารายการพรรณไม้